(os) until the dawn - markmin




Meet me after dark again and i’ll hold you
I am nothing more than to saviour of that
And maybe tonight, we’ll fly so far away








คืนพระจันทร์เสี้ยวเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงลมพัดหวิวและเสียงแมลงเล็กดังขึ้นบางเบา ไอเย็นยะเยือกของสายลมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปกคลุมไปทั่วผืนป่าลึก ท้องฟ้าสีดำมืดสนิทถูกแต่งแต้มด้วยดวงดารานับล้านส่องประกายระยิบระยับ น้ำค้างใสเกาะตามใบหญ้าสะท้อนแสงดาววาววับ



แสงจันทร์นวลสาดแสงส่องกระทบผิวน้ำอาบไล้สองร่างที่แช่น้ำอยู่บริเวณริมลำธารจนเกิดเป็นเงาสะท้อนลงบนพื้นหญ้าเป็นรูปร่างชัดเจน ร่างกายภายใต้กล้ามเนื้อของชายหนุ่มตระกองกอดอีกร่างไว้แนบกาย



“อือ.. หากข้าไม่พูดเจ้าคงไม่คิดจะหยุด”



น้ำเสียงนุ่มเปรยขึ้นแผ่วเบาพลางเอียงคอหนีการรุกล้ำของริมฝีปากหยัก ร่างแบบบางขยับกายหวังเพียงให้หลุดออกจากอ้อมแขนร้อนที่เกี่ยวล็อคเอวตนไว้แน่นจากด้านหลัง



“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปคืนนี้”



“อื้อ...”



ปากบางสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่นสกัดกลั้นเสียงครางเครือเมื่อฝ่ามือใต้ผิวน้ำเริ่มลูบไล้ไปทั่วกาย ริมฝีปากร้อนกดลงบนต้นคอด้านหลัง ไล่เล็มตามแนวโครงกระดูกไปยังหัวไหล่มน ประทับจูบหนักหน่วงจนเกิดรอยแดงประปราย



ลมหายใจร้อนบ่งบอกถึงการมีชีวิตอยู่เป่ารดลงบนผิวเนื้อขาวซีดไร้สีเลือด


ร่างกายเย็นชืดอุ่นวาบขึ้นในตอนนั้น



ฝ่ามือหนาประคองยกเอวคอดขึ้นแล้วจัดท่าทางให้คนที่นั่งหันหลังอยู่ระหว่างขาหันหน้าเข้าหาตน กลายเป็นร่างเล็กนั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักแกร่ง มือบางวางทาบลงที่ไหล่กว้างอย่างคุ้นเคย สองสายตาสบประสานกันนิ่งงัน แววตาหวานฉ่ำน้ำสะท้อนอยู่ในดวงตาสีสนิม ประกายตาดุดันของอสูรกายหนุ่มอ่อนแสงลงเหลือไว้เพียงความอ่อนโยน



“ข้าคิดถึงเจ้า.. แจมิน” สุ้มเสียงต่ำเอ่ยกระซิบ



ปลายนิ้วเรียวสัมผัสคลอเคลียแก้มใส แสงจันทร์ต้องกระทบเสี้ยวหน้าหวาน สว่างเจิดจรัสแม้ในยามมืดมิด ดวงหน้างดงามนี้ยังคงดึงดูดให้หมาป่าหนุ่มเฝ้ามองได้อย่างไม่รู้เบื่อ แม้ว่าเวลาที่พวกเขารู้จักกันจะเนิ่นนานเกือบร้อยปีแต่ผู้เดียวที่ทำให้เขาหลงใหลมีเพียงแวมไพร์ตนนี้เท่านั้น



“เจ้าก็ดีแต่ปากหวานไปเรื่อย”



ร่างเล็กเผลอค่อนแคะอีกฝ่ายตามนิสัยของเจ้าตัว หากมุมปากกลับกดยิ้มลึกอย่างพึงพอใจในถ้อยคำหวานหู แจมินยกแขนขึ้นโอบรอบต้นคอหนา ผิวเนื้อเนียนบดเบียดกายแนบชิด ค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าหาอย่างเชื่องช้าก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนแก้มสากแผ่วเบาเป็นรางวัล



ในจังหวะที่กำลังจะผละออกไป หมาป่าเจ้าเล่ห์ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ใช้ฝ่ามือกร้านดึงรั้งใบหน้าเรียวเอาไว้แล้วประทับจูบลงบนกลีบปากนิ่ม ดูดดุนความนุ่มหยุ่นจนร่างน้อยบนตักที่ขืนตัวเล็กน้อยในทีแรกจนสุดท้ายก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ริมฝีปากสวยพรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวานพร้อมเลื่อนมือลูบไล้ไปตามผิวเย็นซีดตั้งแต่แขนเล็ก แผ่นอกบาง ลากลงมาที่เอวคอด เรื่อยไปถึงเรียวขาสวยใต้ผืนน้ำ ไรขนอ่อนของคนด้านบนลุกชันจากความวาบหวามที่ได้รับ



ร่างสูงประกบริมฝีปากลงบนอวัยวะส่วนเดียวกันอีกครั้ง สอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเล็ก ควานหาความหอมหวานอย่างกระหาย ไล่รุกตวัดเกี่ยวพันลิ้นเล็กต้อนจนมุม รสจูบดูดดื่มร้อนแรงขึ้นเมื่อแจมินจูบตอบอย่างเต็มใจ แขนเรียวดึงรั้งท้ายทอยของอสูรกายตรงหน้าแนบชิดมากยิ่งขึ้น อุณหภูมิต่ำโดยรอบพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว



“อา.. มินฮยอง อะ”



เสียงพร่าหลุดครางแผ่วเมื่อปากหยักเลื่อนไปขบเม้มใบหูเล็ก ใช้ลมหายใจร้อนจัดแกล้งปัดเป่า สันจมูกโด่งไล่ซุกไซร้ตามซอกคอขาวลงมาที่เนินไหปลาร้า ขณะที่กำลังเตรียมพร้อมร่างกายช่วงล่างให้เขาอย่างเบามือและใจเย็น



อ่อนโยนราวปุยนุ่น


ไร้ซึ่งคราบคราวของมนุษย์หมาป่าแสนโหดร้าย



“อะ.. ฮึก”



แวมไพร์ตัวซีดหอบสะท้านเมื่อถูกความเร่าร้อนเข้าครอบครอง ฟันคมสีขาวมุกกัดลงบนปากล่างอย่างอดกลั้นยามที่อีกฝ่ายขยับกายสอดประสาน แรงกระเพื่อมไหวของน้ำแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ผิวกายเย็นเยียบดับกายร้อนผ่าวดั่งกองเพลิง



แตกต่าง หากเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกันอย่างพอดี



มือเรียวดึงทึ้งผมสีอ่อนของหมาป่าหนุ่มเพื่อระบายอารมณ์หวามไหว แผ่นหลังบางหยัดเกร็งโค้งแอ่นเป็นคันศร เส้นผมสีปีกกาสะบัดพริ้วไหว ใบหน้าหวานชื้นเหงื่อเม็ดใสผุดพรายกระทบแสงจันทร์ที่สาดส่องเชิดขึ้นหอบหายใจ สวยงามราวกับภาพวาดจนมินฮยองอดใจไม่ไหวที่จะพุ่งเข้าไปฝากฝังร่องรอยแห่งความรักลงบนเรือนร่างเย้ายวนตรงหน้า เล็บยาวจิกทึ้งบนกายแกร่งหวังผ่อนคลายความเสียวกระสันในทุกจังหวะที่ร่างหนากระแทกกายแนบชิด ความเจ็บแปลบจากปลายเล็บยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่าให้กระพือโหม



แจมินทิ้งตัวเอนซบร่างตรงหน้า ดวงตาสีนิลค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเมื่อความอยากกระหายตีวนในอก จมูกรั้นสูดกลิ่นกายของร่างสูงก่อนหัวกลมจะซุกลงบนซอกคอหนาแล้วจึงอ้าปากงับอย่างแรง เขี้ยวคมกดลงบนผิวเนื้ออย่างช้าๆ หมาป่าตัวโตทำหน้าที่ของตนต่อโดยไร้ซึ่งความสะทกสะท้าน ซ้ำยังเอียงคอเปิดทางให้แวมไพร์ตัวเล็กฝังเขี้ยวลึกลงไปได้ง่ายขึ้น



กลิ่นเลือดของบุคคลแต่ละคน หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์มีความเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป หากให้อธิบายถึงกลิ่นเลือดของอสูรกายอย่างหมาป่าไลเคนแล้วนั้น ผีดิบดูดเลือดทั้งหลายคงเข็ดขยาดกับกลิ่นเหม็นสาบคละคลุ้ง


แต่หากมีกลิ่นหนึ่งต่างออกไป… กลิ่นที่แวมไพร์แบบนาแจมินหลงใหล กลิ่นสาบของเลือดหมาป่าที่หอมหวานและพิเศษกว่าทุกกลิ่นที่เคยลิ้มรสสัมผัส



กลิ่นเลือดของอีมินฮยอง



“อา.. ที่รักของข้า..” เสียงแหบพร่าครางต่ำข้างหูเล็ก ร่างบอบบางดูดกลืนเลือดลงคอไปอย่างช้าๆ ใบหน้าคมคายก้มจุมพิตลงบนหลังหู เคลื่อนริมฝีปากประทับบริเวณต้นคอขาวซีดระไรผมสีเข้ม จมูกโด่งคลอเคลียไม่ห่าง



หากกลิ่นเลือดของเขาคือสิ่งที่แจมินหลงใหล มินฮยองเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากลิ่นหอมเย็นๆแบบแวมไพร์จอมหยิ่งยโสของนาแจมินคือสิ่งที่เขาโปรดปรานไม่แพ้กัน



ผีดิบตัวน้อยถอนเขี้ยวออกหลังจากดูดดื่มจนพอใจแล้ว ลิ้นเล็กเล็มเลียทำความสะอาดบาดแผลสองจุดบนต้นคอหนา เป็นจังหวะเดียวกับที่หมาป่าใต้ร่างกระชับอ้อมแขนกอดรัดสะโพกมนออกแรงขยับกายกระชั้นถี่ด้วยพายุอารมณ์โหมกระหน่ำเพื่อพาทั้งคู่ไปยังจุดหมาย ความทรมานแฝงด้วยความหวานล้ำทำให้แจมินครวญครางจนแทบสำลักความสุข ปลดปล่อยห้วงอารมณ์รักไปกับสายน้ำเอื่อย



เมฆดำเคลื่อนผ่านทาบทับบดบังแสงจันทร์เหลือเพียงแสงริบหรี่ สองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันแนบแน่นโดยไม่สนใจช่วงเวลาที่เลยผ่านหรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติรอบกาย หูเล็กของแวมไพร์หนุ่มแนบอยู่กับแผ่นอกแกร่ง ดวงตากลมค่อยๆปรือปิดลง



เสียงอัตราการเต้นของก้อนเนื้อใต้อกยังคงเป็นเสียงที่สิ่งมีชีวิตไร้หัวใจแบบเขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ยิน


เสียงหัวใจของมินฮยองเนิบช้า นุ่มนวล หากหนักแน่นในทุกจังหวะ

เสียงที่ทำให้แจมินรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอ



“ในคืนวันปล่อยผีเช่นนี้เจ้าคงนึกเสียดายที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นในเมืองมนุษย์เยี่ยงสหายของเจ้า”



ร่างสูงเอ่ยฝ่าความเงียบพลางลูบศีรษะได้รูปที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีเข้มแผ่วเบา ปากสวยกดแนบลงบนขมับชื้นเหงื่อแทนคำขอโทษ เขารู้ดีว่าวันปล่อยผีเป็นวันที่เหล่าแวมไพร์ทุกชนชั้นชื่นชอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแวมไพร์ชั้นสูงที่เคร่งครัดในกฏเกณฑ์แบบร่างบางในอ้อมกอดของเขานี่ เนื่องจากมันเป็นวันที่สามารถออกไปเล่นสนุกได้อย่างเต็มที่ แล้วยังสามารถล่าเหยื่อได้ดั่งใจอีกต่างหาก



“ต้นเหตุมาจากสิ่งใดเจ้ารู้อยู่แก่ใจ”



แจมินไม่ได้นึกสนใจอยากเที่ยวเล่นในโลกของเหล่ามนุษย์เสียเท่าไหร่นัก เขามีชีวิตมาแล้วร้อยกว่าปี ความสนุกสนานของวันปล่อยผีนั้นมีมากพอแล้วในปีที่ผ่านๆมา อีกอย่าง เลือดหอมหวานของโปรดของเขาที่คฤหาสน์มีมากมายเพียงพอให้ดื่มไปตลอดทั้งปี เหตุใดเขาจึงต้องเสียเวลาออกล่าเองเล่า



แม้วาจาจะว่าเชืองกล่าวโทษ หากแขนเรียวทั้งสองออกแรงรัดเอวหนาพร้อมทั้งหัวเราะออกมาเบาๆ นึกเอ็นดูเจ้าไลเคนตัวเขื่องเสียเต็มประดา


มนุษย์หมาป่าดุร้ายที่ไหนกันมานั่งคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงนี้



เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของร่างเล็กคนคิดมากจึงใจชื้น แต่ขึ้นชื่อว่าหมาป่าอย่างไรก็คือหมาป่า มือกร้านดันร่างอีกฝ่ายออกเล็กน้อย เชยคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา นัยน์ตาสีสนิมจ้องลึกเข้าไปในแววตารัตติกาลพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์



“งั้น.. ข้าขอไถ่โทษให้เจ้า ด้วยเลือดทุกหยดในกายข้า”



แจมินเบ้ปากใส่ ปัดมืออีกคนออกจากคางของตนก่อนจะเป็นฝ่ายประกบแนบฝ่ามือลงบนแก้มสากทั้งสองข้าง บีบแรงๆด้วยความหมั่นไส้



“เลือดของเจ้าไม่ได้อร่อยนักหรอก พ่อหมาป่านักรัก”



ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้ สีหน้าท่าทางแสนน่ารักของแวมไพร์บนตักเป็นเครื่องเร่งปฏิกิริยาความต้องการชั้นดี สะโพกหนั่นกล้ามแกล้งขยับกายที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่เรียกเสียงครางหวานดังแผ่ว ฝ่ามือบางหมายจะตีลงบนไหล่หนา ก่อนจะถูกคว้าไว้ด้วยมือใหญ่พลางสอดประสานไว้แน่น



ใบหน้าคมโน้มลงมาเพื่อบดขยี้เรียวปากสีแดงสด เสียงนุ่มครางอื้ออึงในลำคอเมื่อปลายลิ้นชื้นไล้เลียร่องปากก่อนจะดุนดันแทรกผ่านเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นร้อนภายในโพรงปากหวานล้ำอย่างเอาแต่ใจ กวาดต้อนอากาศเข้าปอดตนเองจนอีกฝ่ายหายใจติดขัดแล้วจึงผละออกมา มือหนาบีบเคล้นคลึงผิวเนียนปัดป่ายสะเปะสะปะไปทั่ว หากก่อนที่อารมณ์รักจะพุ่งสูงไปมากกว่านี้ แจมินใช้มืออีกข้างที่ปราศจากการกอบกุมหยุดการกระทำเหล่านั้น



“อือ.. ดะ เดี๋ยว... ไปจากลำธารกันเถอะ ตัวข้าเปื่อยหมดแล้ว”



แววตาใสส่งสายตาออดอ้อนขอความเห็นใจ และมันยังคงเป็นวิธีที่ได้ผลเสมอ มินฮยองพรูลมหายใจหนัก ค่อยๆยกร่างขาวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถอดถอนกายออกอย่างนึกเสียดาย แวมไพร์ตัวน้อยลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คว้าเอาผ้าคลุมร่างกายขึ้นสวมใส่ ผ้าแพรสีดำบางเบาแนบลงกับร่างกายชื้นน้ำจนเห็นสัดส่วนเว้าโค้งชัดเจน หารู้ไม่ว่ากลับดูยั่วยวนเสียยิ่งกว่าตอนไร้อาภรณ์ใดๆปกปิด



“แจมิน… ไปบ้านข้า”



มินฮยองเข้าประชิดตัวร่างเล็กด้วยจิตใจร้อนรน ฝ่ามือกร้านคว้าเอวบางดึงรั้งเข้าหาตัว ดวงตาคมปลาบจ้องดวงหน้าใสประดับด้วยหยดน้ำเกาะพราวไล่ลงมาที่แผ่นอกซีดแต่งแต้มด้วยรอยรักสีแดงเรื่อหลายจุดอย่างลุ่มหลง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงบนหน้าผากมนเรียกให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการผูกเงื่อนที่เอวผงกหัวขึ้นมอง



นัยน์เนตรของมนุษย์หมาป่าวาวโรจน์ด้วยแรงอารมณ์อย่างปิดไม่มิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น มือหนาของอีกฝ่ายที่รัดรึงเอวเขาเริ่มอยู่ไม่สุข แจมินอมยิ้มขำกับท่าทางของร่างตรงหน้า



“ใจเย็นน่า..”



แวมไพร์หนึ่งเดียวกระตุกยิ้มมุมปาก ไล้ปลายนิ้วชืดไปตามโครงหน้า จงใจลากผ่านสันกรามที่ขบเข้าหากันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ช้าๆ ใบหน้าเรียวเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ เงยหน้าขึ้นมอบจุมพิตละมุนประทับลงบนปลายคางสาก สัมผัสเย็นเฉียบชั่วครู่เป็นเหตุให้หัวใจอันแข็งแกร่งของไลเคนสั่นไหว ดวงตาสองคู่จ้องกันและกัน แจมินส่งสายตาหวานพราวระยับอย่างเป็นต่อพลางยกแขนขึ้นคล้องลำคอหนา



“ข้ามีเวลาให้เจ้าจวบจนรุ่งสางเลยล่ะ... ที่รัก”








Maybe tonight, we’ll fly so far away
We’ll be lost before the dawn













- กลับไปหน้าเด็กดี https://goo.gl/HqihBl


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

(sf) A Beautiful Sin - markmin (cut)

(os) it's magic - markmin